gps รถสิบล้อ
gps รถสิบล้อ สำหรับ GPS ติดรถบรรทุก นั้นไม่เพียงแต่ใช้เพื่อตรวจสอบตำแหน่งรถเท่านั้น แต่ยังมีคุณสมบัติรองรับการใช้งานที่หลากหลายและยังรวมถึงการรายงานข้อมูลต่างๆทั้งตัวรถและผู้ขับขี่ ซึ่งมีส่วนช่วยในการจัดการขนส่งให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดให้กับธุรกิจของคุณอย่างแน่นอน
ประโยชน์ที่ผู้ใช้งานหรือบริษัทได้รับจากการ ติด GPS รถบรรทุก มีอะไรบ้าง?รับจากการติด GPS รถบรรทุก กันดีกว่าว่าจะมีอะไรบ้าง!
1. ช่วยลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
เนื่องจากสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด ดังนั้น GPS สามารถช่วยในการควบคุมความเร็วในการขับขี่ได้ โดยจะมีสัญญาณแจ้งเตือนดังขึ้น จนกว่าจะมีความเร็วลดลง และมีการข้อมูลไปยัง กรมการขนส่งทางบก
ซึ่งความเร็วที่กฏหมายกำหนดคือ รถบรรทุก10ล้อ กำหนดความเร็วที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทุกพื้นที่ที่รถวิ่งเข้าไปในเขตนั้นๆ เพื่อออกหนังสือไปยังผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ และรถหัวลาก กำหนดความเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
2. ป้องกันรถหาย / กู้คืนรถได้เมื่อถูกโจรกรรม
การแจ้งเตือนเมื่อประตูรถถูกเปิด หรือถูกสตาร์ทผ่าน SMS หรือ ทางแอปพลิเคชันของ GPS ตรวจสอบและติดตามตำแหน่งของรถที่แน่นอนได้ตลอดเวลา ที่เราใช้งานอยู่ อีกทั้งยังสามารถสั่งตัดไฟหรือดับเครื่องยนต์ผ่านระบบออนไลน์ซึ่งง่ายต่อการติดตามกู้คืน
3. ป้องกันการทุจริตจากพนักงาน/คนขับรถ บ่อยครั้งที่บริษัทหรือผู้ประกอบการพบปัญหาพนักงานทุจริต เช่น แอบแวะพักเป็นเวลานาน โกงน้ำมัน แอบออกนอกเส้นทาง เป็นต้น ซึ่ง GPS จะช่วยในการตรวจสอบและติดตามการใช้งานของยานพาหนะแบบ Realtime ได้ทำให้เราสามารถเช็คได้ว่า ปัจจุบันรถกำลังมุ่งหน้าไปทางไหน? มีการจอดพักที่ตำแหน่งใดบ้าง? เป็นเวลานานเท่าไหร่? การระบุตัวตนของผู้ขับ และแสดงปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่
4. ช่วยลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน
โดยกฏหมายกำหนดว่าจะต้องขับติดต่อกันไม่เกิน 4 ชั่วโมงสามารถวางแผนการใช้เส้นทางและเชื้อเพลิงเพื่อลดค่าใช้จ่าย กรมการขนส่งทางบกและผู้ประกอบการ เพื่อใช้ในการคำนวนเวลาในการขับรถ อีกทั้งยังมีระบบรายงานพฤติกรรมการขับขี่หลากหลายประเภทเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นอกจากนี้ผู้ขับขี่จะต้องทำการรูดบัตรกับเครื่องรูดบัตรที่ติดตั้งอยู่ในรถบรรทุกก่อนทุกครั้ง ข้อมูลบนจะถูกส่งไปยัง และต้องหยุดพักเป็นเวลา 30 นาที เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่เช่นกัน
GPSที่กรมการขนส่งทางบกรับรอง
ผู้ประกอบการขนส่งสามารถติดตามพฤติกรรมผู้ขับรถเพื่อกำหนดมาตรการในการป้องกันและลดอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับรถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุก อีกทั้งยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือบริหารการขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด กรมการขนส่งทางบกกำหนดให้ รถโดยสารสาธารณะทุกประเภท รถตู้ รถลากจูง และรถบรรทุกขนาดใหญ่ (10 ล้อขึ้นไป) ที่จดทะเบียนใหม่ ตั้งแต่วันที่ 25 มกราคม 2559 ต้องติดตั้ง GPS และเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับศูนย์บริหารจัดการเดินรถของกรมการขนส่งทางบก โดยจัดเก็บข้อมูล เช่น ข้อมูลการใช้ความเร็ว,ชั่วโมงการขับขี่ และตำแหน่งพิกัดของรถ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือ ที่สามารถช่วยให้
รถโดยสารสองชั้น กำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2559
รถโดยสารสาธารณะประเภทอื่นๆ กำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2560
รถลากจูง กำหนดติดตั้งภายในรอบปี ภาษี 2560
รถบรรทุกสาธารณะ กำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2561
รถบรรทุกส่วนบุคคล กำหนดติดตั้งภายในรอบปีภาษี 2562
หลักการทำงานของ GPS ที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด
ผู้ประกอบการสามารถดูตำแหน่งรถและรายงานต่าง ๆ ได้ทางหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือมือถือ คนขับรถรูดใบขับขี่ก่อนขับรถหากไม่รูดบัตร หรือ ใช้บัตรผิดประเภทจะมีเสียงร้องเตือนจนกว่าจะใช้บัตรที่ถูกประเภท เครื่อง GPS จะส่งข้อมูลคนขับรถและตำแหน่งพร้อมความเร็วไปยัง Server โดยผ่านระบบเครือข่ายสัญญาณมือถือ สามารถดูตำแหน่งย้อนหลังได้ 12 เดือน ข้อมูลจะถูกส่งตรงไปยังกรมการขนส่งทางบกตลอด 24 ชม.
เครื่องบันทึกข้อมูลการเดินทางด้วยระบบกำหนดตำแหน่งบนพื้นโลก หรือ GPS ผู้ประกอบการหรือเจ้าของรถ กรมการขนส่งทางบก กำหนดให้รถโดยสารสาธารณะและรถบรรทุกขนาดใหญ่ (10 ล้อขึ้นไป) ที่จดทะเบียนใหม่ สามารถเลือกรุ่น GPS หรือผู้ให้บริการระบบได้อย่างเสรี และ บริษัท วันลิ้งค์ เทคโนโลยี่ จำกัด เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ ที่ได้ มารตฐาน ผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก
สำหรับความเร็วที่กฏหมายกำหนดคือ รถบบรทุก 10 ล้อ กำหนดความเร็วที่ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงสำหรับข้อดีของการติดจีพีเอส คือ ช่วยลดอุบัติเหตุทางรถยนต์ และลดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินเนื่องจากการขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด GPS สามารถช่วยในการควบคุมความเร็วของรถยนต์ได้ ถ้าขับรถเร็วเกินกำหนด จะมีสัญญาณเตือนดังขึ้น จนกว่าจะมีความเร็วลดลง และจะแจ้งไปยัง กรมการขนส่งทางบกทุกพื้นที่ ที่รถวิ่งเข้าไปในเขตนั้น ๆ เพื่อออกหนังสือไปยัง ผู้ประกอบการ หรือเจ้าของรถ และรถหัวลาก กำหนดความเร็วที่ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง